บริการรับทำระบบพื้นพียู (โพลียูรีเทน)
Polyurethane Flooring system
ระบบพื้นโพลียูรีเทน (Polyurethane Resin Floor) เป็นพื้นที่นิยมใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องการเน้นเรื่องความสะอาด ไม่มีคราบแบคทีเรียเกาะ สามารถโอเปอเรทได้ 24 ชั่วโมง มีความทนทานสูง สามารถทนอุณหภูมิได้ต่ำมากถึง -20 องศาเซลเซียส เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โรงงานอาหาร ห้องเย็น อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการความสะอาด (Hygiene) เป็นพิเศษ
ระบบพื้นโพลียูรีเทนมี 2 รูปแบบ คือ
1. ระบบพื้น PU ชนิดไหลตัวได้ ความหนา 3-6 มิลลิเมตร (PU self leveling floor)
2. ระบบพื้น PU ชนิดหยาบ ความหนาประมาณ 6-9 มิลลิเมตร (PU screed floor)
คุณลักษณะสำคัญที่แตกต่างระหว่างระบบพื้นทั้ง 2 ดังกล่าวข้างต้น คือความทนทานต่ออุณหภูมิที่ต่ำของพื้น PU แต่ละชนิด ระบบพื้น PU สามารถทนทานต่อสารเคมีได้ในระดับหนึ่ง จึงสามารถใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสารเคมี และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันหรือโลหะหนัก
รับทำพื้น PU ชนิดเทไหลตัวได้ (Polyurethane Self leveling)
ระบบพื้น PU ชนิดนี้ จะใช้กับพื้นที่ต้องการความหนาประมาณ 3-6 มิลลิเมตร โดยพื้น PU จะมีความยืดหยุ่นตัวได้เล็กน้อย ทนทานต่ออุณหภูมิได้ประมาณ -20 องศา เป็นพื้น PU ที่ไม่มีรอยต่อ ใช้งานได้ดีกับอุตสาหกรรมเบา ที่ไม่มีการรับน้ำหนักสูง แต่ต้องการระบบพื้น PU ที่มีความสะอาดและติดตั้งได้รวดเร็ว
ระบบพื้น PU จะสามารถบ่มตัวได้ 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าสามารถทำเสร็จได้ภายใน 1 คืน และเปิดใช้งานได้ ซึ่งแตกต่างจากระบบพื้นอีพ็อกซี่ซึ่งจะต้องใช้การบ่มตัวอย่างน้อย 3-7 วัน เน้นใช้งานภายในเป็นหลัก ในการทำพื้นพียูชนิดนี้ จำเป็นที่จะต้องลงน้ำยารองพื้นก่อนติดตั้งพื้นอย่างน้อย 1-2 เที่ยว ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นผิวและความชื้น
ระบบพื้น PU จะมีความอ่อนไหวสูง ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผู้ติดตั้งจึงควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งพื้น PU โดยเฉพาะ ทั้งนี้ควรศึกษาข้อกำหนดและข้อมูลความปลอดภัยก่อนการติดตั้งด้วย
รับทำพื้น PU ชนิดหยาบ (PU Screed system)
ระบบพื้น PU ชนิดนี้ จะมีความหนาอยู่ที่ 6-9 มิลลิเมตร และยังสามารถเพิ่มความหนาได้ถึง 12 มิลลิเมตร ในกรณีที่ต้องการทนอุณหภูมิที่สูงถึง -35 องศาเซลเซียส มีความทนทานสูงมีอายุอยู่ได้มากกว่า 10 ปี และไม่จำเป็นต้องทำการบำรุงรักษา มักใช้ในอุตสาหกรรมห้องเย็น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมกระจายสินค้า อุตสาหกรรมอาหารสด อุตสาหกรรมเกี่ยวกับน้ำแข็ง ซึ่งจะมีการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องใทำระบบพื้น PU เพื่อป้องกันการแตกร้าวของผิวคอนกรีต
การติดตั้งพื้น PU ชนิดนี้ จำเป็นต้องใช้การเกลี่ยวัสดุด้วยมือเท่านั้น ความสวยงามจะขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของช่าง การเตรียมพื้นผิวก่อนการทำจะใช้วิธีการเดียวกันกับระบบพื้นอีพ็อกซี่ พื้น PU ชนิดนี้ ข้อแตกต่างอีกอย่างของพื้นผิวจะมีความหยาบและมีสีที่ค่อนข้างด้าน ไม่สามารถรับน้ำหนักได้เท่ากับอีพ็อกซี่ แต่มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถล้างพื้นได้โดยใช้น้ำร้อนแรงดันสูง ทนทานต่อการขัดสีที่ผิวหน้ามีกำลังอัดค่อนข้างสูง การติดตั้งก็ให้ทำแบบเดียวกับพื้น PU ที่สามารถไหลตัวได้
ความแตกต่างของพื้น PU และพื้น eproxy
ทางบริษัท Rockmax ของเรามีสินค้าและทีมงานที่เชี่ยวชาญในงานพื้น ทั้งระบบพื้นพียูและอีพ็อกซี่ เราจึงสามารถอธิบายถึงความแตกต่างของระบบพื้นทั้ง 2 ชนิดนี้ได้อย่างชัดเจน
ระบบพื้นทั้ง 2 มีคุณสมบัติเฉพาะ ทั้งในด้านเทคนิคและด้านกายภาพ โดยทั้งพื้น PU และพื้นอีพ็อกซี่ เหมาะกับการใช้ทำพื้นอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูง โดยมุ่งเน้นเรื่องความทนต่อสารเคมีและปกป้องพื้นคอนกรีต ดังนั้นข้อแตกต่างในการเลือกใช้ระบบพื้นที่ควรคำนึงถึงจะมีดังนี้
โดยทั่วไปพื้น PU จะมีความยืดหยุ่นตัวและคุณสมบัติรองรับการยืดหยุ่นสูงกว่า ส่วนพื้นอีพ็อกซี่ จะมีคุณสมบัติด้านความแข็งและเปราะ จึงทำให้ระบบพื้น PU นี้จะทนทานต่อรอยขีดข่วนได้มากกว่า เหมาะสมกับการใช้ในบริเวณที่มีการใช้งานพลุกพล่าน เช่น พื้นผิวลานจอดรถ ที่มีการใช้งานของรถยนต์ตลอดเวลา เป็นต้น และพื้น PU นี้ยังรองรับการขยายตัว เนื่องจากอุณหภูมิได้ด้วย
พื้น PU และพื้นอีพ็อกซี่สามารถทนทานต่อสารเคมีได้ในรูปแบบที่ต่างกัน โดยพื้น PU จะทนทานต่อสารเคมีที่มาจากธรรมชาติ เช่น กรดแลคติก ซึ่งมีในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เป็นต้น ส่วนพื้นอีพ็อกซี่จะทนทานต่อสารเคมีหนัก เช่น กรดฟิวริก เป็นต้น
พื้น PU จะมีความไวต่อความชื้นมากกว่า โดยจะเกิดฟองอากาศง่าย กรณีที่มีความชื้นอยู่บนพื้นผิว
พื้น PU เซ็ตตัวเร็วกว่า แห้งเร็ว บ่มตัวเร็ว ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนระบบพื้นอีพ็อกซี่แห้งตัวช้าอย่างน้อย 3 วัน บ่มตัวช้าอย่างน้อย 7 วันจึงจะเริ่มเปิดใช้งานได้
การเลือกใช้พื้น PU หรือ พื้นอีพ็อกซี่ ก็ขึ้นอยู่การใช้งานตามกล่าวข้างต้น ไม่มีระบบพื้นชนิดไหนดีกว่าชนิดไหน ควรเลือกตามควรต้องการออกแบบหรือรูปแบบและฟังชั่นที่ต้องการใช้งาน
พื้นที่ใช้งานสำหรับพื้นโพลียูรีเทน
-
โรงพยาบาล
-
โรงงานผลิตยา
-
โรงงานผลิตอาหาร
-
โรงแรม และร้านอาหาร
-
โรงงานผลิตสารเคมี
-
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
-
โรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ
-
โรงงานเก็บสินค้า
ข้อดีของระบบโพลียูรีเทน
-
ทนทานต่อการขัดสี
-
ทนทานต่อสารเคมี
-
แห้งตัวเร็ว
-
ขยายตัวได้
-
มีอายุการใช้งานยาวนาน
-
ไม่มีรอยต่อ
-
ไม่มีแบคทีเรียในการเกาะพื้นผิว
-
ไม่มีกลิ่นฉุน
การทำความสะอาดพื้น PU
พื้นโพลียูรีเทน เป็นพื้นที่ทนทานต่อสารเคมี การทำความสะอาด เป็นการรักษาคุณภาพพื้นโพลียูรีเทนให้มีอายุยาวนาน สามารถรองรับการเปลี่ยนของสารเคมีได้ตลอดอายุ
วิธีการทำความสะอาดพื้นโพลียูรีเทน (PU)
มี 2 วิธีการใหญ่ๆในการทำความสะอาดพื้นโพลียูรีเทน โดยการทำความสะอาดวิธีแรกคือ 1.การใช้เครื่องมือพลังงานไฟฟ้าในการทำความสะอาด เช่น เครื่องพ่นน้ำแรงดันสูง เครื่องพ่นไอน้ำ เครื่องขัดผิว วิธีทำความสะอาดแบบที่ 2.วิธีนี้ใช้สารเคมีในการทำความสะอาดพื้นโพลียูรีเทน สารเคมีในการทำความสะอาดมีให้เลือดหลากหลาย โดยพื้นโพลียูรีเทนสามารถทนต่อสารเคมีทุกประเภท ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดกับน้ำเปล่าเท่านั้น
หลักการทำความสะอาด
ควรทำการทดสอบน้ำยาทำความสะอาดบนพื้นผิวเล็กๆ ก่อนที่จะทำความสะอาดพื้นที่ทั้งผืน พร้อมทั้งทดลองใช้เครื่องมือทำความสะอาด การทำความสะอาดควรทำเป็นกิจวัตรประจำอาทิตย์ หรือประจำเดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานของโพลียูรีเทน บางอุตสาหกรรมอาจจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อใช้ในพื้นที่โรงงานปลอดเชื้อ ทั้งนี้ให้ดูกฎระเบียบในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมประกอบด้วย
วิธีการทำความสะอาด (พื้นพียู)
-
การทำความสะอาดด้วยแรงคน ส่วนมากใช้แปรงพร้อมกับน้ำยาทำคาวมสะอาด จะให้ความสะอาดบนพื้นผิวในระดับหนึ่ง
-
ใช้เครื่องทำความสะอาด เป็นการทำความสะอาดใหญ่บนพื้นโพลียูรีเทน สามารถขัดผิวหน้าได้ถึงผิวจริงของพื้นโพลียูรีเทน ทำความสะอาดได้ถึงเนื้อใน
การทิ้งสิ่งปฏิกูล
หลังจากทำความสะอาดพื้นโพลียูรีเทนแล้ว น้ำยาทำความสะอาดที่ใช้แล้ว ควรตรวจสอบว่าสามารถทิ้งลงในระบบท่อน้ำทิ้งได้หรือไม่
เคล็บลับในการทำความสะอาดระบบพื้นโพลียูรีเทน
-
ทำความสะอาดเป็นประจำต่อเนื่อง
-
บริเวณที่ใช้งานหลักให้ทำความสะอาดถี่ขึ้น
-
ถ้ามีเศษสารเคมีตกหล่น ให้ทำความสะอาดทันที
-
ไม่ใช้น้ำยาทำความสะอาดโดยไม่เจือจาง
-
ทำความสะอาดตามข้อกำหนดของผู้ผลิตน้ำยา
รูปแบบการติดตั้งพื้นพียู
References
PROFESSIONAL SERVICES
เรามีทีมงานคุณภาพทั้งก่อนเริ่มงาน ขณะทำงานและหลังเสร็จงาน เราจะส่งมอบประาบการณืที่มีคุณค่าเพื่อให้คุ้มค่ากับงบประมาณและเวลาของท่าน
HIGH QUALITY WORKS
ผลิตภัณท์ที่ใช้ตลอดจนงานบริการ เราให้ความสำคัญทุกขั้นตอน เพราะงานกันซึม ไม่ใช่เฉพาะสินค้าต้องมีคุณภาพสูงสุดแต่การติดตั้งต้องเป็นเลิศ
WARRANTY & GUARANTEE
ทุกโครงการเรามีการรับประกันงานเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า แม้เป็นงานเล็ก เรามีรับประกันให้ เพื่อตอบสนองความเป็นเลิศด้านผลงาน
EXPERT ADVICE
เรามีวิศวกร เทคนิเชี่ยน และทีมงานสนับสนุนเพื่อแนะนำสินค้าและบริการด้านกันซึมเพื่อตรงตามพื้นที่ที่ใช้งานและเพิ่มความมั่นใจให้ท่านลูกค้า